รหัสสินค้า : CHIC-I002-THB78-CHIANGRAI
ไม่พบสินค้า
ราคา |
4,888.00 บาท |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
เที่ยวในประเทศ : ชมทะเลหมอกภูชี้ฟ้า ทัวร์เชียงราย 4วัน 2คืน
โดย : รถโค้ชปรับอากาศ
เดินทาง :ธันวาคม 2563 - มีนาคม 2564 (**ปีใหม่ 30 ธันวาคม-2 มกราคม 64 , 31 ธันวาคม-3 มกราคม 64 )
รายละเอียด : จ.เชียงราย จุดชมวิว ชมทะเลหมอกภูชี้ฟ้า+ภูชี้เดือน+ภูชี้ดาว ดอยผาตั้ง วัดร่องขุ่น สิงห์ปาร์ค (นั่งรถรางชมฟาร์ม) วัดห้วยปลากั้ง วัดร่องเสือเต้น ไร่ชาฉุยฟง ดอยตุง ดอยช้างมูบ ฐานปฏิบัติการดอยช้ามูบ บ้านผาฮี้ ดอยผาหมี ถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน แม่สาย วัดแสงแก้วโพธิญาณ พะเยา กว๊านพะเยา วัดศรีโคม
**พักเมืองเชียงราย 2 คืน
ราคาเริ่มต้น 4,888 บาท
หมายเหตุ : กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
เที่ยวในประเทศ : เที่ยวไทยไปให้ถึง 3ภู 2ดอย 3ผา ชมทะเลหมอก @ภูชี้ฟ้า
ทัวร์เชียงราย 4วัน 2คืน
**ภูชี้เดือน+ภูชี้ดาว – ดอยผาตั้ง ,วัดร่องขุ่น,สิงค์ปาร์ค(นั่งรถราง)
**ไร่ชาฉุยฟง,ดอยตุง,ดอยช้างมูบ ,บ้านผาฮี้,ถ้ำหลวง
**วัดร่องเสื้อเต้น,วัดห้วยปลากั้ง
พักเมืองเชียงราย 2คืน , เดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ
ราคาเริ่มต้น 4,888 บาท เดินทางเดือน ธันวาคม 63 - มีนาคม 64
วันแรก พร้อมกันที่จุดนัดพบ Shell แม็คโคร แจ้งวัฒนะ - ออกเดินทางสู่ จ.เชียงราย
18.30 น. พร้อมกันที่จุดนัดหมาย ปั๊ม Shell แม็คโคร แจ้งวัฒนะเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความให้ทุกท่าน มีการพ่นยาฆ่าเชื้อในรถ เช็คอุณหภูมิร่างกาย และมีบริการแจกหน้ากากอนามัยชนิดผ้าและเจลแอลกอฮอล์ ออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงราย
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11ชั่วโมง) อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนบนรถตามอัธยาศัย
วันที่สอง เชียงราย – จุดชมวิว ชมทะเลหมอกภูชี้ฟ้า+ภูชี้เดือน+ภูชี้ดาว – ดอยผาตั้ง - วัดร่องขุ่น –สิงห์ปาร์ค (นั่งรถรางชมฟาร์ม) – วัดห้วยปลากั้ง – วัดร่องเสือเต้น (อาหาร : เช้า,เที่ยง,เย็น )
เช้า เดินทางถึง เชียงราย ให้ท่านธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 1)
นำท่านเปลี่ยนรถท้องถิ่น เดินทางขึ้นสู่ ภูชี้ฟ้าเดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกภูชี้ฟ้าทะเลหมอกสุด อลังการคลอภูขาที่สวยงาม (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ชมเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ เป็นลักษณะภูเขาที่ชี้ไปบนฟ้า เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย-ลาว อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติด้วยลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลมเป็นแนว ยาว ที่ชี้ไปบนฟ้าทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า "ภูชี้ฟ้า" ช่วงฤดูหนาวนั้น นักท่องเที่ยวจะหนาแน่นพร้อมใจเดินทางเข้ามาสัมผัสความหนาว ชมทะเลหมอกยาม และชมคความงามของดอกไม้ที่สวยงาม ช่วงเดือนธันวาคม ถึง มกราคม เส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้าจะมีต้นซากุระหรือต้นนางพญาเสือโคร่ง ที่บานชมพูสวยงาม และมีดอกชงโคป่าสีขาวที่ออกดอกบานไปทั่วทั้งบริเวณในช่วงก.พ. หรือบานถึงมี.ค.ทั้งนี้การบานของดอกไม้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ จากนั้นเดินทางสู่ ภูชี้เดือนเป็นเทือกเขาชายแดนไทย-ลาว ตั้งอยู่ที่บ้านร่มฟ้าหลวง ม.12 ภูน้องแฝดที่สามของทั้งภูชี้ฟ้าและภูชี้ดาว สำหรับชื่นชมทะเลหมอกสวย ๆ สัมผัสอากาศหนาวเย็น และจุดชมวิว 360 องศา อีกทั้งยังเป็นจุดเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้อย่างงดงาม ภูชี้เดือนมีความสูงประมาณ 1,800 เมตร ซึ่งสูงกว่าทั้งภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง ชมวิวทะเลหมอกที่คลอเคลียตามเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนในยามเช้า และด้วยความสูงของภูชี้เดือน ที่สูงกว่ายอดภูเขาลูกอื่นทำให้สามารถมองเห็นยอดภูชี้ฟ้า ผาตั้ง ภูชี้ดาว ได้พร้อมกันทั้ง 3 ลูกเลยทีเดียว มุ่งหน้าสู่ ดอยผาตั้งเป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง มีระดับความสูงราว 1,800 เมตร ซึ่งเป็นจุดแบ่งอาณาเขตระหว่าง ไทย – ลาว บนยอดดอยสามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และวิวสองฝั่ง ไทย – ลาว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 2)
นำท่านเดินทางสู่ วัดร่องขุ่น ได้รับการบูรณะโดยอาจารย์เฉลิม ชัยโฆษิตพิพัฒน์ เมื่อพ.ศ.2540 โดยจิตรกรชาวเชียงราย ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) จากวัดเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ในสภาพค่อนข้างเสื่อมโทรมนี้ได้กลายเป็นศาสนสถานที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมและงานศิลปะเต็มไปด้วยลวดลายอ่อนช้อยประณีตดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมวัดนี้อย่างคับคั่งตลอดปี อุโบสถของวัดร่องขุ่นมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาดซึ่งได้กลายเป็นเอกลักษณ์เป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งพากันเรียกวัดร่องขุ่นว่าวัดขาว (Thailand White Temple) ประดับประดาด้วยช่อฟ้าใบระกาอย่างวิจิตรอลังการตามด้วยลวดลายอ่อนช้อยอื่น ๆ อีกมากมายเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันลงมาหน้าบันประดับด้วยพญานาคและติดกระจกระยิบระยับโดยความตั้งใจของผู้สร้างนั้นต้องการสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพุทธศาสนา ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ไร่บุญรอด หรือ สิงห์ปาร์ค เชียงราย
เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงาม โดยจัดเป็นรูปแบบฟาร์มทัวร์ ภายในไร่มีการปลูกพืชหลายชนิดตามความเหมาะสมกับสภาพดิน อาทิ ไร่ชาอู่หลง รวมทั้งแปลงเกษตรผสมผสาน แปลงดอกไม้ประดับปลูกเปลี่ยนหมุนเวียนทั้งปี เนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้และกิจกรรมต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม นำท่านนั่งรถรางชมฟาร์ม (ค่าทัวร์รวมค่ารถรางแล้ว) มีจุดแวะทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ จุดชมทุ่งดอกคอสมอส, จุดให้อาหารยีราฟและม้าลาย (ค่าบริการผู้ใหญ่ 100 บาท/เด็กความสูงไม่เกิน 110 ซม. 50 บาท),จุดศูนย์กีฬาและสันทนาการ หรือบ้านแดง จุดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานและเล่นกิจกรรม zipline ได้,จุดชมวิวไร่ชา 360 และร้านอาหารภูภิรมย์ จุดนี้สามารถมองเห็นบรรยากาศของไร่ชาที่กว้างใหญ่ตลอดทาง นอกจากนี้ ภายในยังมีร้านขายของที่ระลึก ของฝาก และมีบริเวณที่นั่งพักผ่อนหรือถ่ายรูปในหลายจุด อิสระถ่ายรูปบรรยากาศตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ วัดห้วยปลากั้งมีความสวยงามไม่แพ้วัดอื่นๆในจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บนเขาและรายล้อมด้วยเนินเขาและวิวที่งดงาม จุดเด่นของวัดนี้คือ "พบโชคธรรมเจดีย์" เจดีย์สูง 9 ชั้น ทรงแหลมศิลปะจีนผสมล้านนาสง่างามด้วยทันได้ที่มีมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได ล้อมรอบด้วยเจดีย์จำลองขนาด 12 ราศี ภายในเจดีย์ ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหันต์ต่างๆ รวมถึงเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้จันหอมองค์ใหญ่ แต่เดิมเคยเป็นวัดร้างที่มีมาแต่โบราณ ถูกบูรณะโดย พระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส จนกลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายอีกครั้ง และมีความเชื่อกันว่าหากใครมาเยือนจะรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
นำท่านสู่ วัดร่องเสือเต้น ชมพระวิหารหลังใหม่ ที่มีศิลปะที่มีความสวยงดงามแปลกตา เป็นศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้า รูปแบบของศิลปะส่วนหนึ่งมีความคล้ายกับผลงานของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ อ.ถวัลย์ ดัชนีย์ สองศิลปินแห่งชาติชื่อดังชาวเชียงรายที่รังสรรค์ผลงานอยู่ที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย และพิพิธภัณฑ์บ้านดำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย รวมอยู่ด้วย ผลงานดังกล่าวเป็นฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปี พ.ศ.2554 จุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สุดคือ วิหารร่องเสือเต้น ตัววิหารได้ถูกสร้างด้วยศิลปะแนวศาสนาศิลป์ร่วมสมัย แฝงไว้ด้วยคติธรรมของพระพุทธองค์ นอกจากตัววิหารแล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์" ซึ่งมีความสูง 20 เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 3)
หลังทานอาหารนำท่านเข้าสู่ที่พักแรม
ที่พัก: Work Den Chiangrai หรือระดับเทียบเท่ากัน
(ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 3-5 วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่สาม ไร่ชาฉุยฟง – ดอยตุง – ดอยช้างมูบ – ฐานปฏิบัติการดอยช้ามูบ – บ้านผาฮี้ – ดอยผาหมี - ถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน – แม่สาย – เมืองเชียงราย ( อาหาร : เช้า, เที่ยง,เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า(มื้อที่ 4)
เปลี่ยนยานพาหนะเป็นรถตู้นำท่านเดินทางสู่ ไร่ชาฉุยฟงเป็นแหล่งปลูกชาชั้นดีของ บริษัท ฉุยฟงที จำกัด ผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงรายมากว่า 40 ปี ให้ท่านได้ถ่ายรูปวิวไร่ชาสวยๆท่ามกลางภูเขา และท้องฟ้าสีครามที่สวยงาม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้อร่อยกับเค้ก พร้อมนั่งจิบชา หรือกาแฟชมวิวในบรรยากาศดีๆสวยงาม
นำท่านเดินทางสู่ ดอยตุงชมสวนแม่ฟ้าหลวง หรือสวนดอยตุง เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวบนพื้นที่ 25 ไร่ อยู่ในแอ่งที่ราบด้านทิศเหนือของพระตำหนักดอยตุง ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของหมู่บ้านอาข่าป่ากล้วย 62 ครอบครัว ในอดีตหมู่บ้านนี้เป็นเส้นทางผ่านที่สำคัญและเป็นที่พักของกองคาราวาน ที่ลำเลียงฝิ่น น้ำยาทำเฮโรอีน และอาวุธสงคราม ประกอบกับที่ตั้งมีลักษณะเป็นหุบลึกลงไป บ้านเรือนอยู่อย่างอัดแอ ไม่สามารถขยายและดูแลเรื่องความสะอาด ขยะ และน้ำเสียได้ ทางโครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงขอให้หมู่บ้านย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ห่างจากที่เดิมราว 500เมตร แต่ตั้งอยู่บนเนินเขา กว้างขวาง และสวยงาม เป็นที่พอใจของชาวบ้าน สำหรับสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวสร้าง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 ตามพระราชดำริของสมเด็จย่า เพื่อให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศได้เห็นไม้ดอกเมืองหนาวที่สวนแห่งนี้ ซึ่งได้รับการดูแลให้สวยงามตลอดทุกวันทั้งปี โดยดอกไม้จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดูกาล ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี กลางสวนมีประติมากรรมเด็กยืนต่อตัวของ มิเซียม ยิบอินซอย โดย สมเด็จย่า พระราชทานชื่อว่าความต่อเนื่อง (continuity) สื่อถึงการทำงานจะสำเร็จได้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากแปลงไม้ประดับกลางแจ้งแล้วยังมีโรงเรือนไม้ในร่มด้วย จุดเด่นคือกล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่าง ๆ ที่ออกดอกสวยงาม นำท่านชม สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ หรือสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง อยู่บริเวณดอยช้างมูบซึ่งเป็นจุดสูงสุดของดอยตุง เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ตระกูลกุหลาบพันปีไว้มากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้ป่า กล้วยไม้ดิน และรองเท้านารี พญาเสือโคร่ง (ซากุระเมืองไทย) มีลานชมวิวต่าง ๆ เช่น ลานรุ่งอรุณ ลานอัสดง จุดส่องสามแคว้น (ไทย-พม่า-ลาว) บริเวณลานน้ำพระราชหฤทัยสมเด็จย่า ซึ่งจะมีต้นกุหลาบพันปีสีแดงสด และต้นไม้ขนาดใหญ่อายุนับร้อยปี อยู่ภายใต้การดูแลของประชาชนชาวเขาในพื้นที่ ทำให้ชาวเขาได้รับโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวตามพระราชดำริของสมเด็จย่าที่ทรงตั้งพระทัยไว้นำท่านชมวิวพาโนรามาที่จุดชมวิวดอยช้างมูบซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 5)
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ บ้านผาฮี้ หรือ ดอยผาฮี้อยู่ที่ตำบล โป่งงาม อำเภอแม่สาย เป็นหมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางหุบเขา ติดเขตชายแดนไทย-พม่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือ ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า มูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด จนกระทั่งในปี 2531 เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุง ได้เข้ามาในหมู่บ้าน ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกทำไร่เลื่อนลอย และสอนให้ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะอาศัยร่วมกับป่า ห้ามไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า และสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟกันมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชาวอาข่าผาฮี้ ที่หันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักทั้งหมู่บ้าน โดยส่งเสริมให้ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าซึ่งให้ผลดีในพื้นที่สูงจนโด่งดังไปทั่วโลก โดยชูสโลแกน “ปลูกกาแฟดีกว่าปลูกฝิ่น” ท่านสามารถเดินชมความงดงามของวิวทิวทัศน์ ภูเขา เดินเที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า บ้านแต่ละหลังจะปลูกเรียงลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ที่เขียวขจี วิวเบื้องหน้าคือ ทิวเขาที่สลับซับซ้อน ของดอยผาหมีและดอยตุง ชมประเพณีโล้ชิงช้า (มีเป็นบางวัน) จากนั้นนำท่านชมความงดงามวิวภูเขาที่ดอยผาหมี อิสระให้ท่านถ่ายรูปเนินเขาสูง ๆ ริมหน้าผา มีภูเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหน้า สูดอากาศที่บริสุทธิ์ตามอัธยาศัย
จากนั้นเดินทางสู่ ถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอนมีลักษณะเป็นภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกเรียงตัวสลับซับซ้อน มองดูคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว มีส่วนหัว จมูก หน้าอก และลำตัวชัดเจน ขนานไปกับถนนในเขตอำเภอแม่จัน และแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง มีจุดสูงสุดคือ ผาช้างมูบ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 830 เมตร จุดที่เที่ยวมี 2 โซน ห่างกันประมาณ 2.5 กิโลเมตร โซนที่ 1 ถ้ำหลวง เป็นถ้ำหินปูนขนาด ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้าง ภายในถ้ำจะเป็นทางเดิน มีทั้งหินงอก หินย้อย ธารน้ำ และถ้ำลอด และยังมีถ้ำเล็กๆ อีก 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน มีความยาวถึง 10.3 กิโลเมตร ถือเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เฉพาะช่วงหน้าแล้ง
(เดือนธันวาคม–มิถุนายน) และปิดในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม-พฤศจิกายน) เนื่องจากมีน้ำไหลผ่านหรือเข้าท่วมพื้นที่บางส่วนของถ้ำ ให้ท่านชมบริเวณปากถ้ำที่มีศาลเจ้าแม่นางนอนตั้งอยู่ ชมอนุสาวรีย์จ่าแซม ผู้เสียสละ และ เสียชีวิตในปฏิบัติการ โซนที่ 2 ขุนน้ำนางนอน หรือ สระขุนน้ำมรกต จากจุดจอดรถระหว่างทางเดินไปมีสินค้าจากชาวบ้านจำหน่ายมากมาย มีชื่อว่าตลาดประชารัฐขุนน้ำนางนอน เป็นของจำพวกผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ส้ม อะโวคาโด สตรอเบอร์รี่ และเสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อที่ระลึก
จากนั้นเดินทางสู่อำเภอแม่สายนำท่านชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ คือพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ไทย, ลาว และ พม่า มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเปลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงไหลตัดผ่านชายแดนไทยและลาว เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ ที่ประดิษฐานกลางแจ้ง ณ สามเหลี่ยมทองคำ ประทับนั่งบน “เรือแก้วกุศลธรรม” ขนาดใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์คู่เมืองเชียงแสน, ท่านสามารถถ่ายรูปคู่กับซุ้มประตูสามเหลี่ยมทองคำ โดยมีวิวแม่น้ำโขง เป็นฉากหลัง และอิสระให้ท่านช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึก
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 6)
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ที่พักเมืองเชียงราย
ที่พัก: Work Den Chiangrai หรือระดับเทียบเท่ากัน
(ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 3-5 วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่สี่ เชียงราย – วัดแสงแก้วโพธิญาณ – พะเยา – กว๊านพะเยา – วัดศรีโคมคำ - กรุงเทพฯ( อาหาร : เช้า, เที่ยง,--- )
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 7)
เดินทางสู่ วัดแสงแก้วโพธิญาณสร้างโดยท่านพระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต คณะศรัทธาบ้านป่าตึงและศิษยานุศิษย์ เป็นวัดที่มีความโดดเด่น สวยงามด้วยสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมไปถึง ธรรมปฏิบัติของเจ้าอาวาส (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) ซึ่งท่านเป็นนักปฏิบัติ และเป็นนักพัฒนา ท่านได้สั่งสอนลูกศิษย์ในการปฏิบัติธรรมได้อย่างชัดเจน และนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาในองค์ครูบาท่านเป็นจำนวนมาก นำท่านเดินทางกลับระหว่างทางผ่าน จังหวัดพะเยา เดินทางสู่ กว๊านพะเยา นำท่านเดินทางสู่ วัดศรีโคมคำหรือวัดที่ประชาชนทั่วไปเรียกขานกันว่า "วัดพระเจ้าตนหลวง" ตั้งอยู่อยู่ริมกว๊านพะเยา เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา พระเจ้าตนหลวง หรือพระเจ้าองค์หลวงนั้น มิใช่เป็นเพียงพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยาเท่านั้น แต่ยังถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอาณาจักรล้านนาไทยด้วย ภายในพระอุโบสถที่ตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยายังมีงานจิตรกรรมฝาผนังที่วาดขึ้นด้วยฝีมือท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติผู้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้ได้วิจิตรสวยงามยิ่ง กว๊านพะเยาเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ใจกลางเมือง คำว่า กว๊าน เป็นภาษาพื้นเมืองซึ่งหมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ คำนี้มีใช้ในท้องถิ่นล้านนาเฉพาะที่จังหวัด พะเยาแห่งเดียวเท่านั้น กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่รวบรวมลำห้วยต่างๆ ไว้มากถึง ๑๘ สาย เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ ๑ ในภาคเหนือ เป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดของภาคเหนือตอนบน มีพันธุ์ปลาน้ำจืดกว่า ๔๘ ชนิด เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลากราย ปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาจีน ปลาไน และปลานิล กว๊านพะเยา มีลักษณะเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่รูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นบึงน้ำกว้างใหญ่สุดสายตา โอบล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนอย่างสวยงาม เมื่อหลายร้อยปี พื้นที่ในบริเวณกว๊านพะเยาเป็นชุมชนมีวัดวาอารามอยู่มากมาย ต่อมาเมื่อกรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำในกว๊านพะเยาเพื่อกักเก็บน้ำ จึงทำให้บริเวณกว๊านพะเยาที่แต่เดิมเป็นชุมชนโบราณ และวัดหลายแห่งต้องจมอยู่ในกว๊านพะเยา
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 8)
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับกรุงเทพฯ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมง)
#Chic Journey…Northern Thailand
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้จัดโดยยืดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ
**หมายเหตุ: ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์เป็นผู้จัดที่นั่งเท่านั้น โดยจัดสรรที่นั่งตามลำดับการจองพร้อมชำระเงิน
อัตราค่าบริการและวันเดินทาง
วันเดินทาง |
ราคาผู้ใหญ่ |
ราคาเด็ก 2-6 ปี |
พักเดี่ยว/เดินทางคนเดียว เพิ่ม |
ที่นั่ง |
หมายเหตุ |
10-13 ธันวาคม 63 |
4,888 |
ไม่มีราคาเด็ก
|
1,500 |
36 |
|
30 ธันวาคม-2 มกราคม 64 |
5,888 |
1,500 |
36 |
|
|
31 ธันวาคม-3 มกราคม 64 |
5,888 |
1,500 |
36 |
|
|
21-24 มกราคม 64 |
4,888 |
1,500 |
36 |
|
|
25-28 กุมภาพันธ์ 64 |
4,888 |
1,500 |
36 |
|
|
11-14 มีนาคม 64 |
4,888 |
1,500 |
36 |
|