รหัสสินค้า : CHIC-I002-THA803-BETONG-FD
ไม่พบสินค้า
ราคา |
7,900.00 บาท |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
เที่ยวในประเทศ : เที่ยวไทย ตะลุยใต้สุดแดนสยาม สัมผัสมนต์เสน่ห์ที่สวยงาม เบตง 3วัน 2คืน
โดยสายการบิน : Air Asia ( FD ) - บินสุวรรณภูมิ
เดินทาง : พฤศจิกายน 2563 - กุมภาพันธ์ 2564
รายละเอียด : ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ปัตตานี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอ เหนี่ยว วัดช้างให้ หลวงปู่ทวด จุดชมวิวสะพานเขื่อนบางลาง เบตง อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ สนามบินเบตง สตรีทอาร์ตเบตง อุโมงค์ปิยะมิตร สวนหมื่นบุปผา บ่อน้ำร้อนเบตง เฉาก๊วย กม.4 หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา10 ต้นไม้ยักษ์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ค่ายจำลอง สวนสมุนไพร สนามฟุตบอลเบตง Sky walk จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ถ่ายรูปสะพานแตปูซู น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หาดใหญ่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
**พักเบตง 2 คืน
ราคาเริ่มต้น 7,900 บาท
หมายเหตุ : กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง ,เที่ยวบินและเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาเช็คกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
ทัวร์ในประเทศ : เที่ยวในประเทศ เที่ยวไทย ไฉไลเบตงหมู่บ้านลับฮาลาบาลา ทัวร์เบตง 3วัน 2คืน
**ตะลุยใต้สุดแดนสยาม "เบตง" เมืองปลายด้ามขวานไทย ใครไปก็หลงรัก
**ต้นไม้พันปีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา10
**พักเบตง 2คืนเมนูพิเศษ ...ไก่เบตงสุดอร่อย
โดยสายการบิน AIR ASIA (FD) เริ่มต้น 7,900.-บาท
จากกรุงเทพฯ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)สู่ท่าอากาศยานหาดใหญ่
วันแรก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ -ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา-ปัตตานี-ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอ เหนี่ยว-วัดช้างให้ หลวงปู่ทวด-จุดชมวิวสะพานเขื่อนบางลาง - เบตง - อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ -สนามบินเบตง – สตรีทอาร์ตเบตง (อาหาร : เช้า/เที่ยง /เย็น -เมนูไก่เบตง)
04.00 น. พร้อมกันที่จุดนัดหมาย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย ประตู 3-4เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
06.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่โดยสายการบิน AIR ASIA (FD) เที่ยวบินที่FD4300
07.35 น. ถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่รับสัมภาระให้เรียบร้อย
**ไกด์จะรอต้อนรับท่านอยู่ด้านนอก นำท่านขึ้นรถตู้ปรับอากาศเดินทางท่องเที่ยว
รับประทานอาหารเช้า(มื้อที่ 1)
นำท่านแวะ จังหวัดปัตตานีเดินทางสู่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียงเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองปัตตานีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านต่างให้ความเคารพนับถือ เดินทางมาสักการะบูชาเพื่อขอให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ หรือแม้แต่มีเรื่องเดือดร้อนก็ไปบนบานให้เจ้าแม่ช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้สมดังหวังกันไปหลายราย เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และศูนย์รวมศรัทธาเสมอมา เดินทางสู่ วัดราษฎร์บูรณะหรือ วัดช้างให้เป็นวัดเก่าแก่ราว 300 ปี สร้างมาเมื่อใดและใครเป็นคนสร้างก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เดิมเป็นวัดร้างและถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลานาน ถือเป็นวัดต้นตำรับของหลวงปู่ทวด ท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด ในส่วนของสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อทวด ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดปัตตานีและใกล้เคียง มีผู้คนไปกราบไหว้บนบานอยู่เนืองนิจใครเจ็บไข้ได้ป่วยหรือวัตถุสิ่งของถูกขโมย หรือศูนย์หายก็พากันไปบนบาน ณ ที่สถูปแห่งนี้ ภายในวัดยังมีวิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด เป็นวิหารที่ประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงพ่อทอง ซึ่งมีขนาดเท่องค์จริง รูปแบบการก่อสร้างเป็นแบบก่ออิฐถือปูนทรงไทยสวยงาม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 2)
นำท่านสู่ จุดชมวิวสะพานเขื่อนบางลางเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำปัตตานี อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ ตามแผนพัฒนาลุ่มน้ำปัตตานี โดยมีการสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม 2524 และปัจจุบันอยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนยังอำนวยประโยชน์ในด้านการชลประทานสู่พื้นที่เพาะปลูกของจังหวัดยะลาและปัตตานี ซึ่งน้ำที่ปล่อยออกมาก็นำมาผลิตไฟฟ้านำจ่ายให้ประชาชนในภาคใต้ได้ใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม รวมทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญในภาคใต้อีกด้วย ให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นเดินทางสู่ เบตงอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย เมืองใต้สุดปลายด้ามขวาน เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย นำท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทยก่อสร้างอุโมงค์แห่งนี้ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบันกับชุมชนเมืองใหม่
นำท่านแวะชม ท่าอากาศยานนานาชาติเบตงสนามบินแห่งแรกของ จ.ยะลา ตั้งอยู่กลางหุบเขา จุดประสงค์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ปัจจุบันยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย เดินทาง สู่ สตรีทอาร์ต Street Artแลนด์มาร์คเมืองเบตง เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของ ทีมนักศึกษาและอาจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วาดขึ้นมาในงานครบรอบ 111 ปี เมืองเบตง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและชาวเบตง เนรมิตงานศิลปะ บอกเล่าถึงเรื่องราววิถีชีวิต และสัญลักษณ์ของเมืองเบตง รอบเมืองเบตง 11 จุด ทั้งบนผนัง กำแพง ใต้สะพาน และตัวอาคารหลายจุดรอบเมืองเบตงสามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 3) เมนูไก่เบตง
หลังทานอาหารสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักแรม
ที่พัก: Modern Thai Hotel หรือระดับเทียบเท่ากัน
(ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5 วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่สอง อุโมงค์ปิยะมิตร - สวนหมื่นบุปผา - บ่อน้ำร้อนเบตง – เฉาก๊วย กม.4 - หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา10 ต้นไม้ยักษ์ - พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ - ค่ายจำลอง - สวนสมุนไพร - สนามฟุตบอลเบตง ( อาหาร : เช้า/เที่ยง/เย็น )
เช้า บริการอาหารเช้า(มื้อที่ 4) เมนูติ่มซำ
เดินทางสู่อุโมงค์ปิยะมิตรในอดีตเคยถูกใช้เป็นฐานในการหลบซ่อนตัว และเป็นแหล่งสะสมเสบียงในการต่อสู้ของกลุ่มผู้ขัดแย้งทางการเมืองในคาบสมุทรมาลายา ในเวลาต่อมากลุ่มผู้ที่เคยใช้อุโมงค์แห่งนี้ในการพักพิง ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว หากแต่ห้องหับและร่องรอยที่พวกเขาทิ้งไว้ยังคงถูกจารึกเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง ได้ใช้ประโยชน์จากการรำลึกถึงอดีตแห่งการต่อสู้อันเจ็บปวด ภายในอุโมงค์สีเหลืองส้มนวลตาแต่ก็ชวนให้นึกถึงภาพอดีต อุโมงค์ถูกแบ่งออกเป็นห้องหรือช่องต่าง ๆ ตามการใช้งาน เช่น ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง เป็นต้น อากาศภายในเย็นสบายไม่อึดอัดภายในอุโมงค์มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางเดินไปสู่อุโมงค์ต้องเดินผ่านป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก นำท่านเดินทางสู่ สวนหมื่นบุปผา หรือเรียกว่า สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตงเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ เนื่องจากเบตงมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ระบบน้ำเพียงพอ จึงมีความเหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาว เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง คอยเชื้อเชิญผู้มาเยือน ได้แก่ แอสเตอร์ ไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า ลิลลี่ แกลดิโอลัส ตุ้มหูนางฟ้า และอีกหลายสายพันธุ์อันมีเสน่ห์ ให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่บ่อน้ำร้อนเบตงเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย โดยอุณหภูมิของน้ำนั้นอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส และบริเวณที่น้ำเดือดนี้สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 7 นาทีเท่านั้น มีการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเล่น นำท่านแวะ ร้านเฉาก๋วยเบตง กม.4 (วุ้นดำ) ความพิเศษของเฉาก๊วยที่นี่คือกรรมวิธีการผลิตที่ยังคงความดั้งเดิมที่ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่โบราณ สังเกตได้จากเขม่าควันที่จับตัวอยู่รอบบ้าน เพราะกรรมวิธีการทำนั้นเริ่มจากการใช้เตาโบราณกับไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และการต้มหญ้าเฉาก๊วยก็ต้องใช้เวลาในการต้มนาน 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำ แล้วจึงนำน้ำเฉาก๊วยที่ผ่านการกรองแล้วผสมกับแป้งนำมาเคี่ยวต่ออีกครั้ง เพื่อให้เหนียวจนเข้าเนื้อ แล้วจึงตักใส่ภาชนะ ตั้งพักให้เย็นจนเนื้อเฉาก๊วยจับตัว เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
**อิสระให้ท่านเลือกซื้อลองชิมตามอัธยาศัย
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 5)
จากนั้นเดินทางสู่ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-มาเลเซียปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ระบบนิเวศผสมผสานกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ท่านสามารถชื่นชมธรรมชาติที่สมบูรณ์และยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ด้วย มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ ผืนป่าฮาลา-บาลา ต้นกำเนิดแม่น้ำปัตตานีนำชม ต้นไม้ยักษ์ต้นไม้พันปีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ต้นสมพง หรือต้นก้านไม้ขีด เป็นต้นไม้เก่าแก่ที่มีอายุนับพันปี ลำต้นมีฐานกว้างราว 120 ตารางเมตร ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในทางภาคใต้ของประเทศไทย นับว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จัดแสดงภาพถ่ายและเนื้อหาในสมัยช่วงสงคราม ภาพถ่ายผู้นำและคณะกรรมการ พรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ภาพบันทึกการให้ความร่วมมือในการสนับสนุนของชาวบ้านในท้องถิ่นสมัยสงครามรวมถึงตัวอย่างอาวุธปืน อุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ ชม ค่ายจําลองจำลองสภาพความเป็นอยู่ของอดีตสมาชิกพรรคอมมิวนิสต์มาลายา ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าดิบชื้น ชม สวนสมุนไพรซึ่งทางหมู่บ้านได้ปลูกสมุนไพรไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา ว่าสรรพคุณของยาสมุนไพรชนิดต่างๆสามารถรักษาโรคหรือรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยในช่วงสงครามได้อย่างไร จากนั้นเดินทางชม สนามฟุตบอลเบตงหรือ สนามกีฬากลางหุบเขาเป็นสนามที่มีลักษณะคล้ายสนามเมอร์ดิกาของกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่ ท่ามกลางหุบเขา ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ให้บรรยากาศร่มรื่นสดชื่นเป็นธรรมชาติสุด ๆ และเป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ในระดับความสูงที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีความพร้อมที่จะรองรับการแข่งขันกีฬาระดับประเทศได้อีก
เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 6)
หลังทานอาหารสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พักแรม
ที่พัก: Modern Thai Hotel หรือระดับเทียบเท่ากัน
(ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5 วันก่อนวันเดินทาง)
วันที่สาม Sky walk จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง - ถ่ายรูปสะพานแตปูซู – น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 –หาดใหญ่ - ท่าอากาศยานหาดใหญ่ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( อาหาร : เช้า/เที่ยง/---)
04.00น. นำท่านเดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง (จุดเก่า)ในเขตพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ กิโลเมตรที่ 32 มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต ให้ท่านเต็มอิ่มกับการชมทะเลหมอกแบบหนา ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดได้อย่างสวยงาม (ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ) *มีบริการรถมอเตอร์ไซด์ขึ้นจุดชมวิว เที่ยวละ 20 บาท* และท่านสามารชม Skywalk อัยเยอร์เวงได้ (ค่าทัวร์ไม่รวมค่าเข้าชมชำระกับเจ้าหน้าที่ดูแลหน้างาน) แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเบตงได้ บนระดับความสูง 2,038 จากระดับน้ำทะเล ใช้งบประมาณการก่อสร้างกว่า 90 ล้านบาท มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ที่เป็นจุดไฮไลท์คือชั้น 3 ที่สร้างทางเดินด้วยกระจกใส มีความยาว 63 เมตร ให้ทุกท่านได้ตื่นตา ตื่นใจ พร้อมพบกับวิวสุดธรรมชาติสวยและ ความหวาดเสียวเวลาเดินเหยียบอยู่บนกระจก
เช้า บริการอาหารเช้า(มื้อที่ 7)
นำท่านถ่ายรูปสวยๆกับ สะพานแตปูซูเป็นสะพานแขวนไม้เก่าแก่สร้างข้ามแม่น้ำปัตตานี มีนายมูเซ็ง แตปูซู เป็นผู้บุกเบิก ให้ท่านถ่ายรูป เดินทางสู่ น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9ชื่อเดิม “น้ำตกวังเวง” หรือ "อัยเยอร์เค็ม"เป็นน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงกว่า 30 เมตร รอบบริเวณปกคลุมไปด้วยพรรณไม้เขียวขจีในปีมหามงคลครบรอบ 72 พรรษาในปี 2542 อบต.อัยเยอร์เวงจึงได้เข้ามาพัฒนาบุกเบิกเส้นทาง พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และได้เปลี่ยนชื่อเป็นน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 8)
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)
***อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย***
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อเดินทางกลับ
21.55 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสายการบิน AIR ASIA (FD) เที่ยวบินที่ FD4303
23.30 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
>>น้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง carry on ไป-กลับ 7 KG (ไม่รวมสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง)
**หมายเหตุ: สายการบินอาจมีขยับไฟล์ทหรือปรับเปลี่ยนเวลาบินได้ ที่นั่งบนเครื่องเป็นไปตามที่สายการบินจัดสรร
**ราคาทัวร์ไม่รวมน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้เครื่อง กรณีต้องการซื้อเพิ่ม 15กิโลกรัม ราคา 480 บาท/เที่ยว/ท่าน
#Chic Journey Southern Thailand
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้จัดโดยยืดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ
อัตราค่าบริการและวันเดินทาง
วันเดินทาง |
ราคาผู้ใหญ่ |
ราคาเด็ก 2-6 ปี ไม่เสริมเตียง |
พักเดี่ยว/เดินทางคนเดียว เพิ่ม |
ที่นั่ง |
หมายเหตุ |
27-29 พฤศจิกายน 63 |
7,900 |
ไม่มีราคาเด็ก
|
1,500 |
15 |
|
10-12 ธันวาคม 63 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
17-19 ธันวาคม 63 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
15-17 มกราคม 64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
29-31 มกราคม 64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
5-7 กุมภาพันธ์64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
19-21 กุมภาพันธ์64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
5-7 มีนาคม 64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|
|
12-14 มีนาคม 64 |
8,900 |
1,500 |
15 |
|